INCOTERMS คืออะไร
Incoterms เรียกย่อมาจากคำว่า “International Commercial Terms” ซึ่งหมายถึง ข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศแต่โดยทางการแล้วมีชื่อเรียกเต็มๆว่า “The Official ICC Rule for the Interpretation of Trade Terms” ดังนั้น Incotermsจึงหมายถึง กฎเกณฑ์ (Rule) สำหรับการตีความข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ (Commercial Terms / Trade Terms)
อย่างไรก็ตาม ในทางตำราไทยนั้นได้มีการอธิบายความหมายของ Incoterms ไว้แตกต่างกัน โดยบางท่านเห็นว่าIncoterms เป็นข้อสัญญามาตรฐานที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายซึ่งรวบรวมและจัดทำขึ้นโดยสภาหอการค้านานาชาติ ( International Chamber of Commerce) 4 บางท่านเห็นว่า เป็นชื่อเรียกคำเฉพาะ (terms) ของข้อสัญญามาตรฐาน(Standard terms ) สำหรับใช้กับสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ ที่หอการค้านานาชาติ International Chamber of Commerce จัดทำขึ้นเพื่อให้คู่สัญญาซื้อขายที่ตกลงกันให้นำไปใช้กับสัญญาของตน (incorporation) มีความเข้าใจในสิทธิหน้าที่ระหว่างกันได้ชัดเจนตรงกัน โดยไม่ต้องเสียเวลาเจรจาและร่างสัญญาซื้อขายในประเด็นสำคัญบางประเด็นที่มีรายละเอียดอยู่ในข้อสัญญามาตรฐานของ ICC แล้ว5 บางท่านเห็นว่า Incoterms คือ คำ หรือถ้อยคำ (Statement) เกี่ยวกับข้อตกลงหรือเทอมทางการค้า (Trade Terms) ที่ได้รับการยอมรับสูงสุดทั่วโลก INCOTERMS ไม่ใช่กฎหมายภายในหรือความตกลงระหว่างประเทศแต่อย่างใด แต่เป็นการรวบรวมหลักของข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศของเอกชนเข้าด้วยกัน และมีผลผูกพันคู่สัญญาในสัญญาการค้าระหว่างประเทศเนื่องจากคู่สัญญาระบุอย่างชัดแจ้ง (explicitly) หรือโดยปริยาย
(implicitly) ให้ใช้ INCOTERMS บังคับแก่สัญญานั้นๆ6 บางท่านเห็นว่า Incoterms กฎเกณฑ์ระหว่างประเทศสำหรับการตีความคำเฉพาะทางการค้า (International Rules for the Interpretation of Trade Terms ) มีวัตถุประสงค์ที่จะวางหลักเกณฑ์ที่เป็นที่ยอมรับกันในระหว่างประเทศเพื่อที่จะใช้แปลความคำเฉพาะทางการค้า (Trade Terms) ที่ใช้กันเสมอในทางการค้า
วัตถุประสงค์
Incoterms มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ (Rule) ระหว่างประเทศสำหรับการตีความข้อตกลงการค้า ( TradeTerms ) ที่ใช้กันมากในทางการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการตีความที่แตกต่างกันเกี่ยวกับข้อตกลงนั้นในแต่ละประเทศ หรืออย่างน้อยก็น่าจะช่วยลดปัญหาดังกล่าวข้างต้นได้ เนื่องจากคู่สัญญาในแต่ละประเทศอาจมีความเข้าใจเกี่ยวกับทางปฏิบัติในการค้าระหว่างประเทศที่แตกต่างกันซึ่งอาจนำไปสู่ข้อพิพาท(Dispute)หรือการฟ้องคดี(Litigation)ได้ซึ่งทำให้เสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อลดปัญหาดังกล่าว ICC จึงได้เผยแพร่ Incoterms เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์สำหรับการตีความข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศให้มีความชัดเจน ถูกต้องตรงกัน
ขอบเขตการบังคับใช้ Incoterms
ตามที่กล่าวไปแล้วว่า Incoterms ไม่ใช่กฎหมาย (Law) ทั้งกฎหมายใน (Domestic Law) และ กฎหมายระหว่างประเทศ ( International Law ) Incoterms จึงไม่มีผลใช้บังคับกับสัญญาโดยตรง โดย Incoterms จะมีผลบังคับใช้กับสัญญาได้ก็ต่อเมื่อคู่สัญญาตกลงกันโดยชัดแจ้งว่าให้นำ Incoterms มาใช้บังคับกับสัญญาเท่านั้น โดยการระบุในสัญญาให้ชัดเจนว่า“This contract is subjected to the Incoterms2000” หรือ “Subjected to Incoterms2000” หรือ “Incoterms2000” เช่น FOB,Bangkok Port(Incoterms2000)17 หรือระบุข้อความอื่นซึ่งมีความหมายทำนองเดียวกันรายละเอียดของ Incoterms ได้กำหนดหน้าที่ของผู้ซื้อและผู้ขายไว้โดยเฉพาะ ดังนั้น Incoterms จึงใช้บังคับกับสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ (International Sale of Goods Contract)
อนึ่ง สัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศที่จะนำ Incoterms มาบังคับใช้ได้ต้องเป็นสัญญาซื้อขายสินค้าที่จับต้องได้(Tangible) เท่านั้น ไม่รวมถึงสินค้าชนิดที่จับต้องไม่ได้ (Intangible) อาทิเช่น ซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์
แม้ว่า Incoterms จะกำหนดหน้าที่ของผู้ซื้อและผู้ขายตามสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศไว้โดยเฉพาะก็ตามแต่ก็มิได้หมายความว่า Incoterms จะกำหนดหน้าที่ของผู้ซื้อและผู้ขายไว้ครบทุกเรื่อง ซึ่งไม่สามารถทำได้โดยสภาพ ดังนั้น เรื่องใดที่ Incoterms มิได้กำหนดไว้ ก็เป็นเรื่องที่ผู้ซื้อและผู้ขายต้องไปตกลงกันเอง หรือเป็นไปตามกฎหมายที่นำมาบังคับ ใช้18(Applicable Law) แล้วแต่กรณี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Incoterms จะถูกร่างขึ้นโดยมีเจตนาให้ใช้บังคับกับสัญญาซื้อขายสินค้าที่ต้องมีการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ แต่ในทางปฏิบัติคู่สัญญาก็สามารถตกลงกันให้นำ Incoterms มาใช้บังคับกับสัญญาซื้อขายสินค้าภายในประเทศก็ได้ ซึ่งในกรณีเช่นว่านี้ข้อตกลงเกี่ยวกับการขอใบอนุญาต หนังสือยินยอม หรือพิธีการศุลกากร (A2 และ B2)หรือข้ออื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออกสินค้าก็ไม่ต้องนำมาใช้บังคับกับสัญญา
หน้าที่ใน Incoterms
Incoterms กำหนดหน้าที่ของผู้ซื้อและผู้ขายในสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศไว้บางประการ โดยกำหนดหน้าที่ไว้ฝ่ายละ 10 ประการเท่านั้น ดังนี้
หน้าที่ของผู้ขาย | หน้าที่ของผู้ซื้อ |
A1. การส่งมอบสินค้าตามสัญญาซื้อขาย | B1. การชำระราคาสินค้า |
A2. ใบอนุญาต, หนังสือยินยอม และพิธีการศุลกากร | B2. ใบอนุญาต, หนังสือยินยอม และพิธีการศุลกากร |
A3. การทำสัญญาขนส่งสินค้าและสัญญาประกันภัย | B3. การทำสัญญาขนส่งสินค้าและสัญญาประกันภัย |
A4.การส่งมอบสินค้า | B4.การรับมอบสินค้า |
A5. การโอนความเสี่ยงภัย | B5. การโอนความเสี่ยงภัย |
A6. การรับภาระค่าใช้จ่าย | B6. การรับภาระค่าใช้จ่าย |
A7. การแจ้งผู้ซื้อ | B7. การแจ้งผู้ขาย |
A8. การพิสูจน์การส่งมอบ เอกสารการขนส่ง หรือ ข้อความทางเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เสมือนเอกสาร | B8. การพิสูจน์การส่งมอบ เอกสารการขนส่ง หรือ ข้อความทางเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เสมือนเอกสาร |
A9. การตรวจนับ การหีบห่อ การทำเครื่องหมาย | B9. การตรวจสินค้า |
A10. หน้าที่อื่นๆ | B10. หน้าที่อื่นๆ |
เห็นได้ว่า Incoterms มิได้กำหนดหน้าที่ของผู้ซื้อและผู้ขายไม่ครบทุกเรื่อง อาทิเช่น 1.การเกิดของสัญญา
2.สิทธิเรียกร้องหรือความรับผิดของคู่สัญญา 3.การโอนกรรมสิทธิ์สินค้า 4.หลักฐานหรือแบบของสัญญา 5.การเลิกสัญญาและผลของการเลิกสัญญา 6.การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย 7.ข้อยกเว้นหรือข้อจำกัดความรับผิด 8.อายุความ 9.วิธีการชำระราคา และ 10.วิธีการระงับข้อพิพาท เป็นต้น ซึ่งในกรณีเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่ผู้ซื้อและผู้ขายต้องไปตกลงในสัญญาซื้อขายกันเองเพื่อให้เป็นไปตามเจตนาของคู่สัญญา หรือมิฉะนั้นก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายที่จะนำมาใช้บังคับกับสัญญานั้น (Applicable Law) แล้วแต่กรณี
ข้อตกลงทางการค้าใน Incoterms
Incoterms2000 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุดได้กำหนดข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศไว้ทั้งหมด 13 ข้อตกลง ได้แก่ EXW,FCA, FAS, FOB, CFR, CIF, CPT, CIP, DAF, DES, DEQ, DDU, DDP โดยกำหนดหน้าที่ของผู้ขายจากน้อยที่สุดไปหามากที่สุด ตามลำดับ กล่าวคือ ในกรณีที่คู่สัญญาตกลงใช้ EXW ซึ่งเป็นข้อตกลงแรกสุดผู้ซื้อย่อมเป็นฝ่ายรับผิดชอบในการขนส่งสินค้าตั้งแต่โรงงานของผู้ขายไปยังสถานประกอบกิจการของผู้ซื้อ ทำพิธีการศุลกากรทั้งขาเข้าและขาออก โดยผู้ขายมีหน้าที่เพียงส่งมอบสินแก่ผู้ซื้อที่หน้าโรงงาน ในทางตรงกันข้าม ถ้าคู่สัญญาตกลงใช้ DDP ซึ่งเป็นข้อตกลงท้ายสุด ผู้ขายย่อมมีหน้าที่ในการส่งมอบสินค้าจนถึงสถานประกอบกิจการของผู้ซื้อหรือสถานที่อื่นตามที่ได้ตกลงกัน โดยผู้ซื้อต้องทำพิธีการศุลกากรทั้งขาออกและขาเข้าด้วย
ส่วนการเลือกข้อตกลงที่จะนำมาใช้บังคับกับสัญญาซื้อขายนั้นนั้น โดยหลักการแล้วย่อมเป็นไปความสมัครใจของคู่สัญญาหรือหลักเสรีภาพในการแสดงเจตนา แต่ในทางปฏิบัตินั้นย่อมเป็นไปตามอำนาจต่อรองของคู่สัญญาแต่ละฝ่าย(Power of Bargaining) เป็นหลัก โดยคู่สัญญาฝ่ายที่มีอำนาจต่อรองสูงกว่าย่อมบีบบังคับให้คู่สัญญาที่มีอำนาจต่อรองน้อยกว่าอยู่ภายใต้ข้อตกลงทางการค้าที่ตนเองได้ประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ ผู้ซื้อและผู้ขายยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นอีกด้วย อาทิเช่น การกำหนดราคาศุลกากรตามกฎหมายศุลกากรของประเทศที่มีการนำเข้าและส่งออกสินค้า เป็นต้น เพราะจะมีผลต่อการคำนวณราคาสินค้าเพื่อเสียภาษี ซึ่งตามพระราชบัญญัติศุลกากร พระพุทธศักราช 2469 ของประเทศไทยได้กำหนดราคาศุลกากรในกรณีนำเข้าและส่งออกสินค้าไว้ดังต่อไปนี้
1. การกำหนดราคาศุลกากรหรือราคาสินค้าในกรณีการส่งออก (Export) ให้กำหนดตามราคาขายส่งเงินสดซึ่งจะพึงขายของประเภทและชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุน ณ เวลา และที่ที่ส่งของออกโดยไม่มีหักทอนหรือลดหย่อนราคาอย่างใด19
ดังนั้น ในทางปฏิบัติของการส่งออกสินค้าจากประเทศไทยจึงนิยมใช้ข้อตกลง EXW หรือ FOB ซึ่งผู้ขายไม่มีหน้าที่ต้องทำสัญญาขนส่งสินค้าทางทะเล และ สัญญาประกันภัยสินค้า ทั้งนี้ แล้วแต่คู่สัญญาจะตกลงกัน
2. การกำหนดราคาศุลกากรหรือราคาสินค้าในกรณีนำของเข้า (Import) ให้กำหนดตามราคาของของเพื่อความมุ่งหมายในการจัดเก็บอากรตามราคาอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (ก) ราคาซื้อขายของที่นำเข้า (ข) ราคาซื้อขายของที่เหมือนกัน (ค) ราคาซื้อขายของที่คล้ายกัน (ง) ราคาหักทอน (จ) ราคาคำนวณ (ฉ) ราคาย้อนกลับ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้ราคาและการกำหนดราคาตาม (ก) (ข) (ค) (ง) (จ) และ (ฉ) ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง20 และให้รวมค่าประกันภัย ค่าขนส่งของที่นำเข้ามายังท่าหรือที่ที่นำของเข้า ค่าขนของลง ค่าขนของขึ้นและค่าจัดการต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน การขนส่งของที่นำเข้ามายังท่าหรือที่ที่นำของเข้าด้วย21 ดังนั้น ในทางปฏิบัติของการนำเข้าสินค้าคู่สัญญาจึงนิยมใช้ข้อตกลง CIF เพราะการเสียภาษีศุลกากรนั้นกฎหมายบังคับให้รวมค่าประกันภัยด้วย
รายละเอียดโดยย่อในแต่ละข้อตกลงทางการค้าใน INCOTERMS2000
1. EXW : Ex Works ( … named place )
ภายใต้ข้อตกลง EXW ผู้ขายมีหน้าที่เพียงเตรียมสินค้าให้ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาซื้อขายเท่านั้น โดยผู้ขายไม่มีหน้าที่ต้องทำสัญญาขนส่งใดๆเลย เป็นหน้าที่ของผู้ซื้อฝ่ายเดียวที่จะต้องมารับสินค้าจากผู้ขายที่หน้าโรงงาน หรือ ณ สถานที่ที่ตกลงกันไว้ ผู้ซื้อต้องทำสัญญาขนส่งสินค้าทุกช่วงทั้งการขนส่งสินค้าภายในประเทศผู้ขาย การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและการขนส่งสินค้าภายในประเทศผู้ซื้อเอง ทำพิธีการศุลกากรทั้งขาออกและขาเข้า ด้วยค่าใช้จ่ายของผู้ซื้อเองทั้งหมดความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้าภายใต้ EXW จะโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อนับแต่ผู้ซื้อได้รับมอบสินค้าจากผู้ขายที่หน้าโรงงานเป็นต้นไป อนึ่ง EXW สามารถใช้ได้ทั้งในกรณี EX FACTORY, EX WAREHOUSE
ข้อสังเกต สัญญาซื้อขายภายใต้ข้อตกลง EXW สินค้าจะมีราคาถูกที่สุด เพราะราคาสินค้าไม่รวมค่าใช้จ่ายในการขนส่ง การทำสัญญาประกันภัย ค่าภาษีศุลกากร ดังนั้น ในทางปฏิบัติคู่สัญญาจึงอาจตกลงกันขอให้คิดราคาสินค้าที่หน้า โรงงาน
2. FCA : Free Carrier ( … named place )
ภายใต้ข้อตกลง FCA ผู้ขายมีหน้าที่ส่งมอบสินค้าแก่ผู้ขนส่ง (Carrier) ตามที่ผู้ซื้อจัดหา ณ สถานที่ที่ตกลงกันไว้ ถ้าตกลงกันให้ส่งมอบสินค้าแก่ผู้ขนส่ง ณ สถานที่ของผู้ขายเอง ผู้ขายย่อมมีหน้าที่ขนสินค้าขึ้นรถด้วย แต่ถ้าตกลงกันให้ส่งมอบ ณ สถานที่อื่นอันมิใช่สถานที่ของผู้ขาย เช่น Container Freight Station, Cargo Terminal ท่าอากาศยาน หรือ สถานีรถไฟ เป็นต้น ตามข้อตกลงนี้ผู้ขายจะไม่มีหน้าที่ขนสินค้าขึ้นรถแต่อย่างใด เป็นหน้าของผู้ซื้อหรือผู้ขนส่งแล้วแต่กรณี แต่ผู้ขายต้องทำพิธีการศุลกากรขาออกด้วยความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้าภายใต้ FCA จะโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อนับแต่เวลาที่ผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าแก่ผู้ขนส่งเป็นต้นไป
อนึ่ง ข้อตกลง FCA คู่สัญญาสามารถนำไปใช้ได้กับการขนส่งได้ทุกรูปแบบไม่ว่าทางบก ทางอากาศ
ทางทะเลหรือทางน้ำภายในประเทศ รวมทั้งการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบด้วย ( Multimodal Transport )
ข้อสังเกต ข้อตกลง FCA สอดคล้องกับการขนส่งสินค้าที่เรียกว่า RO-RO ( roll on – roll off ) คือ การขนสินค้าโดยไม่มีการยกสินค้าขึ้นเรือโดยใช้ปั้นจั่น แต่เป็นการขนส่งสินค้าไปจนถึงจุดรับสินค้าของผู้ขนส่ง เช่น Container Freight Station ( CFS ) เป็นต้น
3. FAS : Free Alongside Ship ( … named port of shipment )
ภายใต้ข้อตกลง FAS ผู้ขายมีหน้าที่ส่งมอบสินค้าแก่ผู้ขนส่งที่ข้างเรือ ( Alongside Ship ) ณ ท่าเรือตามที่ผู้ซื้อแจ้งมาและมีหน้าที่ทำพิธีการศุลกากรขอออกด้วยความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้าภายใต้ FAS จะโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อนับแต่เวลาที่สินค้าวางอยู่ข้างเรือเป็นต้นไป ส่วนผู้ซื้อมีหน้าที่ทำสัญญารับขนของทางทะเลเพื่อมารับสินค้าจากผู้ขายด้วยค่าใช้ค่าใช้จ่ายของตนเอง และ ต้องแจ้งให้ผู้ขายทราบถึงชื่อเรือ ท่าเรือ และเวลาที่ต้องส่งมอบด้วย
อนึ่ง ข้อตกลง FAS นี้สามารถใช้ได้สัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศที่ใช้การขนส่งสินค้าทางทะเล หรือทางน้ำ ภายในประเทศเท่านั้น
4. FOB : Free On Board ( … named port of shipment )
ภายใต้ข้อตกลง FOB ผู้ขายมีหน้าที่ส่งมอบสินค้าไปไว้บนเรือ ( On Board / On Shipment ) ตามที่ผู้ซื้อแจ้งมา และทำพิธีการศุลกากรขาออกด้วยความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้าจะโอนไปยังผู้ซื้อเมื่อสินค้าผ่านพ้นกราบเรือ ( pass the ship's rail) แล้วเห็นได้ว่า FOB นี้ใช้สำหรับการส่งสินค้าทางทะเลหรือทางน้ำภายในประเทศแบบดั้งเดิม คือ การใช้ระบบยกสินค้าขึ้นเรือหรือที่เรียกกันว่า LO-LO (Lift on – Lift off) ส่วนหน้าที่ของผู้ซื้อภายใต้ข้อตกลง FOB นี้ คือ การชำระราคาสินค้าตามสัญญาซื้อขาย การทำพิธีการศุลกากรขาเข้า การทำสัญญารับขนของทางทะเล ด้วยค่าใช้จ่ายของตนเอง การแจ้งให้ผู้ขายทราบเกี่ยวกับชื่อเรือ ท่าเรือ และเวลาส่งมอบ
รับโอนความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้าเมื่อสินค้าผ่านพ้นกราบเรือแล้ว การเสียค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นนับแต่เวลาที่สินค้นการรับมอบสินค้าผ่านพ้นกราบเรือ การรับมอบสินค้าจากผู้ขาย และการตรวจสอบสินค้าก่อนเรือออกด้วยค่าใช้จ่ายของตนเอง
5. CFR : Cost and Freight ( … named port of destination )
ภายใต้ข้อตกลง CFR ซึ่งแต่เดิมเรียกว่า C&F (Cost and Freight ) ผู้ขายมีหน้าที่ส่งมอบสินค้าไปไว้บนเรือ (On Board / On Shipment) ณ ท่าเรือ ณ เวลาตามที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญา โดยผู้ขายต้องทำสัญญารับขนของทางทะเลและชำระค่าระวาง (Freight) และค่าใช้จ่ายต่างที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง และต้องแจ้งให้ผู้ซื้อทราบเกี่ยวกับชื่อเรือ ท่าเรือต้นทาง และเวลาส่งมอบ เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถไปรับสินค้าที่ท่าปลายทางได้ด้วย นอกจากนี้ ผู้ขายยังมีหน้าที่ทำพิธีการศุลกากรขาออกด้วยความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้าตามข้อตกลง CFR จะโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อนับแต่เวลาที่สินค้าผ่านพ้นกราบเรือ ( pass the ship's rail) แล้ว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ความเสี่ยงภัยของผู้ขายมีอยู่จนถึงเวลาที่สินค้าพ้นกราบเรือแต่ผู้ขายมีหน้าที่เสียค่าใช้จ่าย (Cost) จนถึงเวลาที่สินค้าถึงท่าปลายทาง
อนึ่ง CFR สามารถนำมาใช้ได้กับสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศที่มีการขนส่งสินค้าทางทะเลหรือทางน้ำ ภายในประเทศเท่านั้น โดยต้องระบุท่าเรือปลายทางไว้ด้วย
ข้อสังเกต หน้าที่ของผู้ขายตาม CFR เพิ่มเติมจาก FOB เพียงประการเดียวคือ ผู้ขายต้องทำสัญญารับขนของทางทะเลด้วย ในกรณีที่เป็นการขนส่งทางบกควรใช้ข้อตกลง CPT
6. CIF ; Cost Insurance and Freight (… named port of destination )
ภายใต้ข้อตกลง CIF ผู้ขายมีหน้าที่ส่งมอบสินค้าไปไว้บนเรือ (On Board / On Shipment) ณ ท่าเรือ ณ เวลาตามที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญา โดยผู้ขายมีหน้าที่ทำสัญญารับขนของทางทะเลและชำระค่าระวาง (Freight) และค่าใช้จ่ายต่างๆ และผู้ขายต้องทำสัญญาประกันทางทะเลเกี่ยวกับความเสี่ยงภัยของผู้ซื้อในความสูญเสียหายของสินค้าในระหว่างการขนส่งและต้องชำระค่าเบี้ยประกันภัยให้เรียบร้อยด้วย นอกจากนี้ ผู้ขายต้องแจ้งให้ผู้ซื้อทราบเกี่ยวกับชื่อเรือ ท่าเรือต้นทาง และเวลาส่งมอบ เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถไปรับสินค้าที่ท่าปลายทาง ผู้ขายยังมีหน้าที่ในการขอใบอนุญาตส่งออกรวมทั้งการทำพิธีการศุลกากรขาออกอีกด้วย
แม้ภายใต้ข้อตกลง CIF ผู้ขายจะมีหน้าที่ทำสัญญารับขนของทางทะเลและสัญญาประกันภัยทางทะเล แต่เรื่องการโอนความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้ายังคงเป็นเช่นเดียวกับ FOB และ CFR คือ ความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้าจะโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อนับแต่เวลาที่สินค้าผ่านพ้นกราบเรือ ( pass the ship's rail) แล้ว ส่วนหน้าที่ของผู้ซื้อภายใต้ข้อตกลง CIF นี้ คือ การชำระราคาสินค้าตามสัญญาซื้อขาย การทำพิธีการศุลกากรขาเข้าและเสียค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้น การรับมอบสินค้า การรับโอนความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้าเมื่อสินค้าผ่านพ้นกราบเรือแล้ว การเสียค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นนับแต่เวลาที่สินค้าอยู่บนเรือแล้ว การรับมอบสินค้าจากผู้ขาย การแจ้งให้ผู้ขายทราบถึงเวลาส่งมอบและหรือท่าเรือปลายทางในกรณีที่ได้ตกลงกันไว้ให้ผู้ซื้อมีสิทธิเลือก
อนึ่ง CIF สามารถใช้ได้กับสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศที่มีการขนส่งสินค้าทางทะเลและการขนส่งทางน้ำ ภายในประเทศเท่านั้น ในกรณีที่เป็นการขนส่งทางบกควรใช้ข้อตกลง CIP
7. CPT : Carriage Paid to ( … named place of destination )
ภายใต้ข้อตกลง CPT ผู้ขายมีหน้าที่ทำสัญญาขนส่งและส่งมอบสินค้าแก่ผู้ขนส่งนั้นเพื่อขนส่งสินค้าไปส่งมอบแก่ผู้ซื้อ ณ สถานที่ปลายทางตามที่ตกลงกันไว้ และผู้ขายมีหน้าที่ทำพิธีการศุลกากรขาออกด้วย
ความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้าภายใต้ CPT จะโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อเมื่อผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ขนส่งที่ต้นทางเรียบร้อยแล้ว
ส่วนหน้าที่ของผู้ซื้อภายใต้ CPT นี้ คือ การชำระราคาสินค้า การทำพิธีการศุลกากรขาเข้า การรับมอบสินค้าจากผู้ขายและจากผู้ขนส่ง รับโอนความเสี่ยงภัยเมื่อผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าแก่ผู้ขนส่ง เสียค่าใช้จ่ายนับแต่เวลาที่ที่ผู้ขนส่งได้รับมอบสินค้า แจ้งให้ผู้ขายทราบเกี่ยวกับเวลาการส่งมอบและ/หรือสถานที่ปลายทางในกรณีที่ตกลงกันให้ผู้ซื้อเลือก ยอมรับเอกสารการขนส่งเมื่อสินค้านั้นถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา
อนึ่ง สัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศซึ่งอยู่ภายใต้ข้อตกลง CPT สามารถใช้ได้กับสัญญาขนส่งทุกรูปแบบ รวมทั้งการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบด้วย (multimodal transport)
ข้อสังเกต CPT มีความใกล้เคียงกับ CFR แต่มีความแตกต่างกันที่ว่า CFR ใช้กับสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่าง
ประเทศที่ใช้การขนส่งสินค้าทางทะเลเท่านั้น ส่วน CPT สามารถใช้ได้กับการขนส่งทุกรูปแบบ
8. CIP : Carriage and Insurance Paid to ( … named place of destination )
CPT ผู้ขายมีหน้าที่ทำสัญญาขนส่งและส่งมอบสินค้าแก่ผู้ขนส่งนั้นเพื่อขนส่งสินค้าไปส่งมอบแก่ผู้ซื้อ ณ สถานที่ปลายทางตามที่ตกลงกันไว้ และผู้ขายมีหน้าที่ทำพิธีการศุลกากรขาออกด้วย โดยผู้ขายมีหน้าที่ทำสัญญาประกันภัยสินค้า(Cargo Insurance) ความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้าภายใต้ CIP จะโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อเมื่อผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ขนส่งที่ต้นทางเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกับ CPT
ส่วนหน้าที่ของผู้ซื้อภายใต้ CIP นี้ คือ การชำระราคาสินค้า การทำพิธีการศุลกากรขาเข้า การรับมอบสินค้าจากผู้ขายและจากผู้ขนส่ง รับโอนความเสี่ยงภัยเมื่อผู้ขายได้ส่งมอบสินค้าแก่ผู้ขนส่ง เสียค่าใช้จ่ายนับแต่เวลาที่ที่ผู้ขนส่งได้รับมอบสินค้า แจ้งให้ผู้ขายทราบเกี่ยวกับเวลาการส่งมอบและ/หรือสถานที่ปลายทางในกรณีที่ตกลงกันให้ผู้ซื้อเลือก ยอมรับเอกสารการขนส่งเมื่อสินค้านั้นถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา เช่นเดียวกับ CPT
อนึ่ง CIP สามารถใช้ได้กับการขนส่งสินค้าในสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศทุกรูปแบบ รวมทั้งการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบด้วย
ข้อสังเกต สิทธิและหน้าที่ของผู้ซื้อและผู้ขายภายใต้ข้อตกลง CPT มีใกล้เคียงกับข้อตกลง CPT และ CIF แต่
แตกต่างกันที่ CPT ผู้ขายไม่มีหน้าที่ต้องทำสัญญาประกันภัยสินค้า ส่วน CIF เป็นกรณีการขนส่งสินค้าทางทะเลเท่านั้น
9. DAF : DELIVERED AT FORNTIER ( ... named place )
ภายใต้ข้อตกลง DAF ผู้ขายมีหน้าที่ส่งมอบสินค้า ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งบริเวณพรหมแดนระหว่างประเทศตามที่ได้ตกลงกันไว้ โดยผู้ขายไม่จำต้องขนสินค้าลงแต่อย่างใด แต่ผู้ขายต้องทำพิธีการศุลกากรขาออกให้เรียบร้อย ความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้าจะโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อนับแต่เวลาที่สินค้าได้ไปอยู่ในความครอบครองของผู้ซื้อ ณ สถานที่ที่ส่งมอบบริเวณพรหมแดนระหว่างประเทศตามที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญา ส่วนหน้าที่ของผู้ซื้อภายใต้ข้อ ตกลง DAF คือ การชำระราคาสินค้า การทำพิธีการศุลกากรขาเข้า การรับมอบสินค้า การรับโอนความเสี่ยงภัยเมื่อสินค้าไปถึงสถานที่ที่ส่งมอบบริเวณพรหมแดนระหว่างประเทศตามที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญารับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนสินค้าลงและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนับแต่เวลาที่ส่งมอบเป็นต้นไป
10. DES : DELIVERD EX SHIP (… named port of destination )
ภายใต้ข้อตกลง DES ผู้ขายมีหน้าที่ส่งมอบสินค้าให้อยู่ในความครอบครองของผู้ซื้อ ณ ท่าเรือปลายทาง โดยผู้ขายไม่จำต้องขนสินค้าลงจากเรือแต่อย่างใด ความเสี่ยงภัยในความสูญเสียของสินค้าภายใต้ข้อตกลง DES จะโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อนับแต่เวลาที่สินค้านั้นได้อยู่ในความครอบครองของผู้ซื้อที่ท่าเรือปลายทางแล้ว
ส่วนหน้าที่ของผู้ซื้อภายใต้ข้อตกลง DES คือ การชำระราคาสินค้า การทำพิธีการศุลกากรขาเข้า การรับมอบสินค้าการรับโอนความเสี่ยงภัยเมื่อสินค้าถึงท่าเรือปลายทาง รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนสินค้าขึ้นจากเรือที่ท่าปลายทางและค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นนับแต่เวลานี้
อนึ่ง ข้อตกลง DES สามารถใช้ได้กับสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศที่มีการขนส่งทางทะเลหรือทางน้ำ
ภายในประเทศเท่านั้น
11. DEQ : DELIVERED EX QUAY (… named port of destination )
ภายใต้ข้อตกลง DEQ ผู้ขายมีหน้าที่ทำสัญญารับขนของทางทะเลเพื่อส่งมอบสินค้าให้อยู่ในความครอบครองของผู้ซื้อ ณ ท่าเรือปลายทางตามที่ระบุไว้และต้องขนสินค้าลงจากเรือด้วยค่าใช้จ่ายของตนเอง ตลอดจนทำพิธีการศุลกากรขาออกให้เรียบร้อย แต่ไม่ต้องทำพิธีการศุลกากรขาเข้า
ความเสี่ยงภัยในความสูญเสียของสินค้าภายใต้ข้อตกลง DEQ จะโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อนับแต่เวลาที่สินค้าได้อยู่ในความครอบครองของผู้ซื้อที่ท่าเรือปลายทาง
ส่วนหน้าที่ของผู้ซื้อภายใต้ข้อตกลงนี้คือ การรับมอบสินค้า การทำพิธีการศุลกากรขาเข้า การขนส่งสินค้าจากท่าเรือในประเทศผู้ซื้อไปยังสถานประกอบกิจการของผู้ซื้อเอง
อนึ่ง DDP สามารถใช้ได้กับสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศที่มีการขนส่งสินค้าทางทะเล หรือการขนส่งทางน้ำภายในประเทศเท่านั้น
12. DDU : DELIVERED DUTY UN PAID (… named place of destination )
ภายใต้ข้อตกลง DDU ผู้ขายมีหน้าที่นำสินค้าไปส่งมอบแก่ผู้ซื้อ ณ สถานที่ปลายทางตามที่ได้ตกลงกันไว้ อาทิเช่น คลังสินค้าหรือโรงงานหรือสถานประกอบกิจการของผู้ซื้อ เป็นต้น แต่ผู้ขายไม่จำต้องขนสินค้าลงจากรถ และไม่จำต้องทำพิธีการศุลกากรขาเข้า แต่อย่างใด
ความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้าภายใต้ข้อตกลง DDU จะโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อนับแต่เวลาที่ได้ส่งมอบสินค้าให้อ ยู่ในความครอบครองของผู้ซื้อ ณ สถานที่ปลายทาง
ส่วนหน้าที่ของผู้ซื้อภายใต้ข้อตกลง DDU คือ การขนสินค้าลง และการทำพิธีการศุลกากรขาเข้า
อนึ่ง ข้อตกลง DDU สามารถใช้ได้กับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทุกรูปแบบ รวมทั้งการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบด้วย อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เป็นการขนส่งสินค้าทางทะเลควรใช้ข้อตกลง DES หรือ DEQ จะเหมาะสมกว่า
13. DDP : DELIVERED DUTY PAID (… named place of destination )
ภายใต้ข้อตกลง DDP ผู้ขายมีหน้าที่นำสินค้าไปส่งมอบแก่ผู้ซื้อ ณ สถานที่ปลายทางตามที่ได้ตกลงกันไว้ อาทิเช่น คลังสินค้าหรือโรงงานหรือสถานประกอบกิจการของผู้ซื้อ เป็นต้น โดยไม่จำต้องขนสินค้าลงแต่อย่างใด และผู้ขายต้องทำพิธีการศุลกากรทั้งขาออกและขาเข้าให้เรียบร้อยด้วย
ความเสี่ยงภัยในความสูญเสียหายของสินค้าภายใต้ข้อตกลง DDP จะโอนจากผู้ขายไปยังผู้ซื้อนับแต่เวลาที่ได้ส่งมอบสินค้าให้อยู่ในความครอบครองของผู้ซื้อ ณ สถานที่ปลายทาง หน้าที่ของผู้ซื้อภายใต้ข้อตกลง DDP มีเพียงการขนสินค้าลงเท่านั้น
อนึ่ง ข้อตกลง DDP สามารถใช้ได้กับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทุกรูปแบบ
ข้อสังเกต ข้อตกลง DDP ผู้ขายมีหน้าที่ในการส่งมอบสินค้าแก่ผู้ซื้อมากที่สุด ผู้ซื้อมีหน้าที่เพียงขนสินค้าลง
เท่านั้น อีกทั้งผู้ซื้อไม่จำต้องทำพิธีการศุลกากรขาเข้าอีกด้วย ดังนี้ ราคาสินค้าภายใต้ข้อตกลง DDP จะมีราคาสินค้าต่อหน่วยแพงที่สุด เพราะผู้ขายต้องรับภาระทุกอย่างซึ่งได้นำไปรวมคำนวณเป็นต้นทุนของราคาสินค้าแล้ว
ข้อมูลอ้างอิงhttp://www.sittigorn.net/documents/sittigorn/sittigorn_icc_incoterms2000.pdf
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น